วันพุธที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2555

การลดน้ำหนัก

        


       ลดน้ำหนักด้วยกล้วยมื้อเช้า ง่ายและได้ผลจริง

    หลายคนสงสัยว่า กล้วยช่วยลดน้ำหนัก ลดความอ้วนได้อย่างไร คุณเชื่อหรือไม่ว่ากล้วยสามารถช่วยลดน้ำหนัก ลดความอ้วนได้จริง มีผู้คนมากมายทั่วโลกที่ใช้วิธีการลดน้ำหนักด้วยการทานกล้วยในมื้อเช้า หลายคนเคยไดเอ็ท อดอาหาร ตามสูตรควบคุมน้ำหนักต่างๆ ซึ่งต้องใช้ความอดทน อีกทั้งบางครั้งยังสร้างความเครียดให้เราอีกด้วย พยายามไดเอ็ทหลายวิธีก็ไม่ผอมลงสักที งั้นลองหยิบ "กล้วย" ใบน้อย มาเติมพลังให้เช้าวันใหม่ สำหรับการไดเอ็ทด้วยการทานกล้วยในมื้อเช้านี้ เป็นวิธีที่แสนง่าย แต่ได้ผล อยากให้ทุกท่านลองนำไปปฏิบัติกัน  


  กินกล้วยแล้วได้อะไร?

สารอาหารที่ได้จากกล้วยได้แก่


     1. วิตามินบี1 และบี 2 เร่งการเผาผลาญน้ำตาลและไขมัน ป้องกันตัวบวม และฟื้นฟูร่างกายจากความเหนื่อยล้า
     2. เกลือแร่ เช่น โปรแตสเซียม ช่วยในการขับโซเดียมออกทางปัสสาวะ และแมกนีเซียม ช่วยควบคุมความดันเลือด และการทำงานของแคลเซียม
     3. มีเส้นใยอาหาร (fiber) บรรเทาอาการท้องผูกได้ดี
     4. กล้วยยังมีฤทธิ์ในการขับพิษสูง เพราะแป้งในกล้วยดิบจะช่วยดีท็อกซ์ ส่วนกล้วยสุกช่วยเสริมภูมิต้านทานป้องกันหวัดได้ดี
     5. สารโพลีฟินอล มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ทำหน้าที่ชะลอความแก่
     6. สารยูจินอล ซึ่งเป็นไฟโตเคมีคัล ที่ช่วยเร่งการพัฒนาสภาพร่างกาย
     7. เซโรโทนิน ช่วยลดอาการหงุดหงิด และทำให้ความอยากอาหารลดลง
     8. ในเนื้อกล้วยเองมีเอ็นไซม์ช่วยย่อย ก็จะทำให้การย่อยเป็นไปอย่างราบรื่น
     9. น้ำตาลในกล้วย ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้มีสมาธิกับการทำงานมากขึ้น และส่งผลให้ความถี่และปริมาณการบริโภคน้ำตาลในระหว่างวันลดลงไปโดยปริยาย
     10. มีผลวิจัยว่ากล้วยช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์ NK ซึ่งเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่จัดการมะเร็งได้ด้วย
ลดน้ำหนักด้วยกล้วยมื้อเช้า



วิธีปฏิบัติ

     1. เริ่มจากกินกล้วยหอมอย่างเดียวในมื้อเช้า จะกี่ลูกก็ได้ตามต้องการ เคี้ยวให้ละเอียด หลังจากกินเสร็จแล้วยังหิวอยู่ ให้เว้นระยะเวลา 15-30 นาที จึงรับประทานอย่างอื่น เช่น ข้าว เป็นต้น ถ้าวันไหนเบื่อกล้วย หรือไม่ชอบกล้วยหอมจริงๆ จะเปลี่ยนเป็นผลไม้ชนิดอื่นก็ได้ เช่น แอ๊ปเปิ้ล แคนตาลูป หรือแตงโม เป็นต้น แต่ขอให้เป็นผลไม้ชนิดเดียวเท่านั้น เพื่อแบ่งเบาภาระของกระเพาะของเราไม่ให้เหนื่อยเกินไปที่จะผลิตน้ำย่อยกรดด่างต่างกัน
     2. เครื่องดื่มที่ดื่มควบคู่กับกล้วยหอมตอนเช้าคือน้ำเปล่าที่อุณหภูมิห้อง และดื่มบ่อยๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องปริมาณ
     3. ส่วนมื้อกลางวัน จะกินอะไรก็ได้ แต่ต้องเคี้ยวให้ละเอียด กินให้พอเหมาะและไม่อึดอัดท้องจนเกินไป
     4. พอถึงบ่ายสามก็กินของว่างได้บ้าง โดยเฉพาะของว่างประเภทข้าว ช็อกโกแลต หรือผลไม้ชนิดใดชนิดหนึ่งเท่านั้น
     5. กินอาหารเย็นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยเวลาเหมาะสมจะอยู่ที่ 6 โมงเย็นแต่ไม่เกิน 2 ทุ่ม และพยายามกินให้เร็วขึ้นจากปัจจุบันสักครึ่งชั่วโมง รวมทั้งไม่รับประทานของหวานหลังอาหารเย็นด้วย ซึ่งการกินข้าวเย็นแต่เร็ววัน ถึงแม้จะกินเยอะก็ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด
     6. นอนหลับให้ไวขึ้น ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องนอนก่อนเที่ยงคืนให้ได้ พยายามนอนก่อนเที่ยงคืนให้เป็นนิสัย เพื่อฟื้นฟูร่างกายขณะหลับ กำจัดความเหนื่อยล้าซึ่งจะทำให้ร่างกายอยู่ในสภาพผอมได้ง่าย
     7. ให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายที่ไม่หักโหมจนเกินไป ทำให้พอเหมาะ เพื่อร่างกายสดชื่น การออกกำลังกายอย่าหักโหมจนรู้สึกทรมาน การไดเอ็ทจะไม่ได้ผล
     8.จดบันทึกไดเอ็ทไดอารี่ให้เป็นนิสัย และเปิดเผยให้คนอื่นอ่านด้วย เป็นบ่อเกิดแห่งกำลังใจอย่างหนึ่ง




กินกล้วยหอม 2-4 ผล พร้อมกับน้ำในอุณหภูมิห้องในมื้อเช้า
     
      สูตรลดน้ำหนักสุดฮิต ที่สาวหนุ่มแดซากุระแห่ทำตามจนแทบแย่งชิงกันเพื่อให้ได้กล้วยหอมมาครอบครอง หวังลดน้ำหนักได้เพรียวกันถ้วนหน้า ที่มาที่ไปของสูตรลดความอ้วนด้วยกล้วยนั้น มาจากเภสัชกรนางหนึ่ง ได้คิดค้นขึ้นมาเพื่อช่วยเพิ่มการเผาผลาญอาหารให้กับสามีที่มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน ผลจากสูตรนี้ทำให้ลดน้ำหนักลงได้ถึง 16.6 กิโลกรัม เธอจึงแนะนำสูตรนี้ลงบน MIXI ชุมชนออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งภายในเวลาสองปีครึ่งที่ผ่านมา พบว่า สมาชิกชุมชนประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักถึง 300 คนแล้ว หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีการนำมาตีพิมพ์เป็นหนังสือ และมียอดขายถล่มทลายขายเกิน 1 ล้านเล่มในญี่ปุ่น อีกทั้งยังได้รับการแปลในหลายภาษา




การลดน้ำหนักในระยะยาว การลดน้ำหนักที่ดีที่สุด
   
      

           เพื่อนๆ หลายคนลดน้ำหนัก ตามสูตรลดน้ำหนัก ลดความอ้วน แบบ 7 วันบ้าง 2 สัปดาห์ หรือ 1เดือน ซึ่งเป็นช่วงที่ทรมานและต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างยิ่ง (แต่เพื่อความผอม สวย ยอมได้) อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถทานแบบนี้ไปได้ตลอดชีวิตแน่นอน การลดน้ำหนักลงมาหลายๆ โล ในช่วงเวลาสั้นๆ เป็นสูตรสำหรับคนที่ต้องการลดความอ้วนแบบเร่งด่วน อย่างไรก็ตาม ถ้าหากคุณกลับมากินอาหารปกติ คุณจะอ้วนเหมือนเดิมหรือมากกว่าเดิม การลดน้ำหนักในระยะยาว การลดน้ำหนักที่ดีที่สุดนั้น ควรเป็นการจำกัดแคลอรี่ของอาหาร การทานอาหารครบทุกมื้อ และการออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญไขมันส่วนเกิน วันนี้เรามีข้อแนะนำที่จะควบคุมน้ำหนักให้คงที่อยู่เสมอในระยะยาว เคล็ดลับต่างๆ เหล่านี้ ทำได้ไม่ยากแต่ต้องฝึกฝนให้ติดจนเป็นนิสัยเท่านั้นเอง


                                          กิจกรรมและการออกกำลังกาย
  1. อย่าชั่งน้ำหนักบ่อยเกินไป เพราะจะทำให้กดดันตัวเอง ทำให้หงุดหงิดง่าย ควรชั่ง สัปดาห์ละครั้งก็พอ 
  2. ออกกำลังกายให้มากกว่า 15 นาที เพราะ 20 นาทีแรกนั้น ร่างกายจะอยู่ในระหว่างอุ่นเครื่อง หลังจากนั้นร่างกายจะเผาผลาญไขมัน 
  3. การเดินเร็วๆ หรือวิ่งเหยาะๆ เป็นประจำจะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญได้ดีขึ้น 
  4. ถ้าวันไหนจะได้นอนมากๆ และไม่ได้ทำงานอะไรเท่าไหร่ คุณต้องลดอาหารลงอีก กินแต่ผักผลไม้ก็พอแล้ว 
  5. สำหรับคนที่ไม่ชอบออกกำลังกาย ให้ว่ายน้ำหรือเต้นรำตามจังหวะเพลงสนุกๆ อย่างต่อเนื่อง 1 ชั่วโมงทุกวัน 
  6. ออกกำลังกายให้หลากหลายชนิด จะได้ประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายอย่างครบถ้วน เป็นการบริหารทุกส่วนของร่างกาย และช่วยปรับสมดุลของร่างกาย 
  7. หมั่นไปออกกำลังกายเป็นกลุ่มหรือไปออกกำลังกายยังที่ที่คนมาชุมนุมกัน เช่น ศูนย์ฟิตเนส ลานเต้นแอโรบิค สระว่ายน้ำ เป็นต้น เพื่อช่วยเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้คุณเกิดความมุ่งมั่นที่จะลดน้ำหนัก และอีกทั้งยังช่วยให้ไม่เกิดความเบื่อหน่ายในการออกกำลังกาย

                                                      อาหารการกิน
  1. ลดปริมาณอาหารเนื้อสัตว์ประเภทหมู เป็ด ไก่และเนื้อวัวลง ควรกินแค่สัปดาห์ละครั้งเท่านั้น อย่ากินส่วนที่เป็นหนังและมัน
  2. ถ้าหิวบ่อยให้แบ่งมื้ออาหารเป็น 4-5 มื้อเล็กๆ แทนการทานแบบ 3 มื้อใหญ่ (ที่หลายท่านมักทานจนอิ่มท้องมากเกินไป) 
  3. เคี้ยวอาหาร เคี้ยวช้าๆ ให้ละเอียดที่สุด ก่อนจะกลืนลงไป ควรใช้เวลากินมื้อละ 10-15 นาที จะช่วยให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น
  4. ดื่มน้ำสะอาดหรือน้ำแร่ให้มากๆ และจิบน้ำตลอดวันเพื่อให้กินอาหารได้ไม่มาก อีกทั้งยังช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื้นด้วย 
  5. ในตู้เย็นควรจะมีแต่ผักและผลไม้สดเท่านั้น เพื่อเป็นตัวช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้ราบรื่น
  6. ของว่างระหว่างมื้อไม่ควรทานผลไม้สดๆ หรือถั่วธัญพืชต่างๆ ไม่ควรทานอาหารคาวหรือขนมหวาน
  7. ลดคาร์โบไฮเดรต ลดเนื้อสัตว์ กินแต่ผักผลไม้เป็นหลัก งดทานของทอดๆ ผัดๆ หรือการปรุงอาหารที่ต้องใช้น้ำมันมากๆ หรือการปรุงด้วยน้ำตาล เนย และกะทิ เช่น แกงเผ็ด แกงที่ใช้กะทิเป็นเครื่องปรุงก็ควรเลี่ยง 
  8. อย่าโทษตัวเองเมื่อเผลอกินอาหารตามใจปาก เช่น เค้ก ไอศกรีม วันต่อไปให้ออกำลังกายหนักขึ้นเพื่อการเผาผลาญพลังงานมากขึ้น แต่อย่าทำเช่นนี้บ่อยๆ เพราะจะทำให้ที่พยายามลดน้ำหนักมานั้นเสียเปล่า
  9. อย่าอดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่ง เพราะจะทำให้คุณกินทุกอย่างที่ขวางหน้าอย่างไร้สติ ควรกินอาหารเล็กน้อยเสมออย่าปล่อยให้หิว ถ้าถึงมื้อแล้วไม่หิวก็ให้ทานผลไม้แทนได้
  10. พยายามเปลี่ยนเมนูอยู่เสมอ การกินอาหารเดิมๆ ซ้ำๆ กันเกือบทุกวันจะเป็นผลเสียต่อการเผาผลาญอาหาร เพราะร่างกายจะเผาผลาญแคลอรี่ได้เท่าเดิม จึงแทบจะไม่มีผลต่อการลดน้ำหนักตัว
  11. อย่าเสียดายของเหลือในจาน ถ้ากินไม่หมด ควรเก็บใส่ตู้เย็น หรือทิ้งเสีย อย่ากินจนหมด 
  12. แอปเปิ้ล แคนตาลูป และโยเกิร์ต คือเมนูลดน้ำหนักที่ดีกินอย่างใดอย่างหนึ่งแทนมื้อกลางวันหรือเย็นได้ทุกวัน
  13. ถ้าอยากกินเนื้อสัตว์ให้กินแฮมต้ม ปลานึ่ง ทูน่ากระป๋อง ไก้ต้มไม่เอาหนัง กินอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงเล็กน้อยใน 1 มื้อ ควรกินคู่กับผักต้ม 
  14. ถ้าหิวตอนดึกๆ ให้ดื่มชาร้อนๆ เพราะเครื่องดื่มร้อนๆ จะช่วยให้ความรู้สึกหิวหายไป อาจดื่มน้ำผึ้งผสมน้ำร้อน ชาสมุนไพร หรือนมร้อนๆ สักถ้วยก็ได้
  15. ถ้าเบื่อผลไม้ ให้นำมายำ โดยทำน้ำยำดังนี้ ผสมน้ำผึ้ง 1ช้อนโต๊ะ กับมะนาว และพริกป่น แล้วคลุกกับผลไม้ให้ทั่ว ใช้แอปเปิ้ล เขียวแดง ชมพู่ มันแกว ส้มโอ ส้มเขียวหวาน หรือองุ่น
  16. ถ้าติดขนมจุบจิบ ให้ใช้แตงกวา มะม่วง หรือแครอท หั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า หรือน้ำแข็งป่นมาวางใกล้ๆ มือ ทานแทนขนมขบเคี้ยว 
  17. เคี้ยวหมากฝรั่งบ้าง รสชาติสะอาดๆ ในช่องปากอาจทำให้คุณไม่อยากกินอะไร
  18. กินกระเทียมสดและพริกไทยทุกวัน เพราะจะช่วยลดคอเลสเตอรอลและลดน้ำหนักได้ 
  19. วางแผนการกินล่วงหน้าแต่ละมื้อ การกินโดยไม่คิดก่อนจะทำให้เผลอไปกินอาหารที่ไขมันสูง 
  20. เมื่อลดน้ำหนักได้ 1 กิโลกรัม แทนที่จะให้รางวัลตัวเองเป็นขนมหวาน ควรให้รางวัลเป็นอย่างอื่น เช่น เสื้อสวยๆ สักตัว หรืออะไรก็ได้ที่ไม่ใช่การกิน
  21. เลิกคร่ำครวญถึงรสชาติอาหารจานโปรด คุณต้องตัดใจ จงคร่ำครวญถึงชุดสวยๆ แทน คุณจะได้มีแรงบันดาลใจเพียงพอที่จะลดน้ำหนัก
  22. ฝึกเป็นนิสัยอ่านฉลากบนผลิตภัณฑ์อาหารทุกอย่าง ว่ามีพลังงานหรือไขมันเท่าใดบ้าง ทำเป็นประจำจะทำให้คุณเป็นคนที่กินเป็นมากขึ้น และมีประโยชน์ต่อสุขภาพด้วย 
  23. ทานข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือแทนข้าวขาว เพราะข้าวกล้องอิ่มนานกว่า และมีคุณค่าทางอาหารสูงกว่าข้าวขาว

         การลดความอ้วนหรือลดน้ำหนักให้รวดเร็วนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยและผลของมันก็มักจะเห็นได้เพียงชั่วคราว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคุณต้องการที่จะหาทางลดน้ำหนักให้ได้อย่างรวดเร็ว ถ้าคุณไม่ควบคุมการกินของคุณรวมถึงนิสัยอื่นๆ ผลที่ตามมาก็คือน้ำหนักของคุณก็จะเพิ่มขึ้น ในบทความนี้เราจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีในการลดน้ำหนักให้รวดเร็วและรักษาน้ำหนักไว้ให้คงที่ด้วย

     1. วิธีแรกที่จะช่วยให้เราลดน้ำหนัก (ลดความอ้วน) ได้ก็คือคุณจะต้องพยายามบริโภคผักและผลไม้ให้มากๆ อย่าทานอาหารที่มีส่วนประกอบของไขมันมากเกินไป โดยเฉพาะลูกกวาดและอาหารขยะ ถ้าคุณไม่ชอบที่จะออกกำลังแล้วล่ะก็ ให้ลองไปเดินเล่นประมาณหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่ทานอาหารแล้ว พยายามสร้างนิสัยในการทำกิจกรรมที่ต้องการพลังงานสูงในแต่ละวัน ถ้าคุณไม่ทานอาหารอย่างถูกหลักแล้ว ไม่ว่าคุณจะใช้หนทางใดในการลดน้ำหนัก มันจะไม่มีทางได้ผลแน่นอน
    
     2. วิธีที่สองก็เป็นอีกทางหนึ่งในการลดน้ำหนักที่ได้ผลดีเช่นกัน ลองทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อการลดน้ำหนัก แต่ก็อย่าลืมดูแลเรื่องความสมดุลของอาหารที่บริโภคเข้าไปด้วย การดื่มชาเขียวหลังมื้ออาหารนั้นถือเป็นวิธีแบบธรรมชาติในการลดน้ำหนักที่ไม่ยากนัก แต่ถ้าคุณไม่ค่อยชอบรสชาติของมันให้ลองกินอาหารเสริมที่มีชาเขียวก็จะช่วยในการลดน้ำหนักได้
     3. เคล็ดลับที่ 3 ของการลดความอ้วน ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรนัก เพียงแค่งดดื่มโซดาและน้ำอัดลมทั้งหลาย ก็ช่วยได้เช่นกัน
 
     4. ถ้าเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวของคุณต้องการที่จะลดน้ำหนักเช่นกัน ขอให้คุณร่วมกันทำตารางเวลา มันจะช่วยทำให้คุณสามารถลดน้ำหนักไปพร้อมๆกันกับเขาได้ นอกจากน้ำหนักที่จะลดลงไปแล้ว ยังช่วยในเรื่องของกำลังใจและสภาพจิตใจอีกด้วย
     5. การเพิ่มกล้ามเนื้อก็ถือเป็นอีกทางในการเผาผลาญไขมัน กล้ามเนื้อจะมีขนาดที่เล็กกว่าและไม่แสดงออกมาให้เห็นเป็นชั้นๆเหมือนกับไขมัน คุณน่าจะลองหาดัมเบลล์สักคู่หนึ่งมาไว้ในห้องแล้วก็ลองยกมันเพียงไม่กี่นาทีในแต่ละวัน มันกจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อไบเซปส์ กิจกรรมเหล่านี้ยังสามารถช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญภายในร่างกายและคายพลังงานออกมาโดยทันที ดัมเบลล์ถือเป็นหนึ่งในวิธีการที่ยอดเยี่ยมในการลดน้ำหนัก
    
      6. หลีกเลี่ยงการทานเนื้อทอดและของย่าง และให้เปลี่ยนเป็นการเพิ่มซุปผักหรือสลัดผักในมื้ออาหารของคุณ อย่างที่บอกไปแล้วว่าอาหารคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการลดน้ำหนัก
     7. ไม่ควรจะกินอาหารมากๆในพริบตาเดียว คุณควรจะทำตารางเวลาในการกินอาหาร 5 – 6 มื้อต่อวัน ในขณะที่กำลังกินขอให้ระลึกอยู่เสมอว่าคุณกำลังกินไปเท่าไหร่แทนที่จะไปนั่งคุยกับใครบางคนหรือนั่งดูโทรทัศน์ ต้องลองเปลี่ยนนิสัยการกินแล้วคุณจะพบทางใหม่ในการลดน้ำหนัก
     8. ชั่งน้ำหนักเป็นประจำและตรวจดูความคืบหน้าเสมอๆ ถ้าคุณได้ตั้งเป้าหมายที่จะลดน้ำหนักจำนวนหนึ่งใน 1 สัปดาห์ ให้ดูว่าคุณสามารถที่จะทำสำเร็จหรือไม่ คุณจะต้องมีความเด็ดเดี่ยวที่จะลดความอ้วน ถ้าคุณเห็นว่าน้ำหนักของคุณเริ่มลดแล้วมันก็จะกระตุ้นให้คุณมีกำลังใจลดน้ำหนักต่อไป
     9. ถ้าของโปรดยามว่างของคุณคือช็อกโกแลตหรือคุ้กกี้ ไม่ต้องฝืนตัวเองโดยการหยุดกินทันทีทันใด แต่ให้พยายามที่จะลดปริมาณของอาหารที่กินเข้าไปทีละน้อย น้ำหนักของคุณก็ขึ้นอยู่กับอาหารที่กินเข้าไป ค่อยๆพยายามลดปริมาณลงให้ได้จนเลิกทานอาหารประเภทนี้ในที่สุด




นมถั่วเหลือง เพื่อสุขภาพและความงาม


     สำหรับสาว อัพยิ้ม ที่ต้องการหลีกเลี่ยงไขมันจากนมวัว หรือต้องการควบคุมน้ำหนัก การดื่มนมถั่วเหลืองเป็นทางเลือกที่ดีนะค่ะ  นอกจากนั้น นมถั่วเหลือง ยังมีประโยชน์อีกมากมาย เรามาดูกันเลยค่ะ ว่านมถั่วเหลืองมีประโยชน์อย่างไรบ้าง
     นอกจากนั้นในถั่วเหลือง  ยังมีคุณสมบัติคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งเป็นฮอร์โมนของผู้หญิงที่มีผลต่อการลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งเต้านม  โรคกระดูกพรุน  และอาการของหญิงวัยหมดประจำเดือนด้วย
     ราบกันแล้วนะค่ะ ว่านมถั่วเหลืองมีประโยชน์อย่างไร  สาว Upyim  ที่ต้องการมีสุขภาพดีก็ต้องรีบหามาดื่ม หากจะให้ดีก็ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์  หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ  และพักผ่ือนอย่างเพียงพอควบคุ่กันไปด้วยนะค่ะ

ประโยชน์ของนมถั่วเหลือง
“นมถั่วเหลือง”  อุดมไปด้วยไขมัน โปรตีน ที่มีประโยชน์ และสารอาหารมากมาย ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต  แคลเซียม  ฟอสฟอรัส  วิตามิืนเอ บี บี2 บี6  บี12 ไนอาซิน และในเมล็ดถั่วเหลืองยังมีเลซิทิน ซึ่งช่วยบำรุงสมอง เิพิ่มความทรงจำ ลดไขมัน และคอเลสเตอรอล
การดื่มนมถั่วเหลือง  เป็นอาหารเสริม วันละ 1-2 แก้วเป็นประจำทุกวัน สามารถป้องกันและรักษาโรคต่างๆ ได้ เช่น ป้องกันโรคหัวใจ  โรคกระดูกพรุน  ท้องผูก  ริดสีดวง  ลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งลำไส้ และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด



การลดน้ำหนักแบบผิดๆ 
    

     กว่าที่ท่านผู้อ่านชาว อัพยิ้ม จะอ้วนได้นั้นก็มีการสะสมไขมันไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นการที่จะให้น้ำหนักลดลงนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนถึงกับหาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบางอย่างมาช่วย ซึ่งบางอย่างก็มีฤทธิ์เป็นยาถ่าย บางอย่างก็ทำให้ท้องเราอิ่มจะได้ไม่ต้องกินอาหารอื่นๆ มากโดยแต่ละชนิดก็มีผลเสียต่อร่างกายมากน้อยแตกต่างกันไป ตั้งแต่เป็นโรคท้องผูก ท้องเสีย ไปจนถึงโรคขาดสารอาหาร และวิธีการลดความอ้วนโดยวิธีอดอาหารบางมื้อนั้น ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่งเลยนะคะท่านผู้อ่านชาว Upyim
ส่วนการลดน้ำหนักที่อันตรายที่สุดก็คือ การใช้ยาลดความอ้วนชนิดกดความอยากอาหาร ซึ่งจัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท เนื่องจากหากใช้ไปนานๆ จะทำให้ติดยา เสียทั้งร่างกายและจิตใจของท่านผู้อ่านได้ จากคนที่เรียบร้อยอ่อนโยน กลายเป็นคนก้าวร้าว จนถึงเป็นโรคจิตประสาท และผลิตภัณฑ์รวมทั้งยาลดความอ้วนเหล่านี้ ถ้าเรากินแล้วก็ไม่ผอมถาวร เมื่อเลิกกินก็จะกลับมาอ้วนอีก และอาจจะเป็นแบบ 1-2 เท่าด้วยซ้ำ


       เราหวังว่าเคล็ดลับการลดความอ้วนข้างต้นจะช่วยให้คุณสามารถหาทางในการลดน้ำหนักให้ได้อย่างรวดเร็ว หลังจากที่คุณได้ค้นพบวิธีการดีๆเหล่านี้แล้ว ขอให้คุณแน่ใจว่าคุณได้ทำตามมันและควบคุมน้ำหนักของคุณ
คนทุกคนมีความแตกต่างกัน เพราะฉะนั้นแล้ววิธีการที่ได้ผลสำหรับคนหนึ่งอาจจะไม่ใช่วิธีที่ดีนักสำหรับอีกคนหนึ่งก็เป็นได้ ถ้าคุณพบกับปัญหาใดๆเมื่อพยายามที่จะลดน้ำหนักแล้ว เราแนะนำให้ไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง

วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2555

                                                                         อาหารเพื่อสุขภาพ
                                                                     
             
เมนูอาหารเย็น ข้าวต้มหมูทรงเครื่องเป็นเมนูอาหารที่ชาวไทยเรานิยมกันมานาน เนื่องจากข้าวต้มเป็นอาหารที่รับประทานง่ายและรสชาติถูกปากคนไทย เรามาดูกันเลยว่า สูตรการทำอาหารข้าวต้มหมูทรงเครื่องนี้มีอะไรบ้าง...
 

                                                                      

เมนูอาหารเพื่อสุขภาพที่เรานำเสนอจึงต้องทำให้คุณสาวๆ ที่รักสุขภาพ มีประโยชน์จากการทานอาหารมากที่สุด เมนูสลัดถั่วแดง อีกหนึ่งเมนูที่จะทำให้คุณสาวๆ ได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน เพราะในถั่วแดงหลวงเมื่อทานเข้าไปแล้วจะไปเพิ่มกากใยในอาหาร และช่วยให้ระบบขับถ่ายของคุณทำงานได้ดีขึ้น และเป็นระบบมากขึ้น

คุณค่าทางโภชนการ
ถั่วแดงหลวง 100 กรัม ให้พลังงาน 346 กิโลแคลอรี  โปรตีน 18.2 กรัม คาร์โบไฮเดรต 63.3 กรัม ไขมัน 2.2 กรัม ฟอสฟอรัส 415 มิลลิกรัม แคลเซียม 115 มิลลิกรัม ไทอะมิน 0.16 มิลลิกรัม ไนอะซิน 2.7 มิลลิกรัม
                                        
ตามหลักโภชนาการ สารหลักในอาหารมี 4 หมู่ คือ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต หรือแป้ง ข้าว ไขมัน วิตามิน และเกลือแร่ แต่สารเหล่านี้เป็นเพียงชื่อ และคุณสมบัติ ของสารอาหารในทางวิทยาศาสตร์ ในชีวิตประจำวัน เราไม่สามารถหาสารอาหารที่เป็น โปรตีน คาร์โบไฮเดรต หรือไขมันที่บริสุทธิ์ล้วนๆ มากินได้ เพราะอาหาร เป็นส่วนผสมของสารอาหารเหล่านี้ และมีสารประกอบ อีกมากมาย และยังไม่มีอาหารใด ที่มีสารอาหารครบสมบูรณ์อย่างจริงๆ ในตัวของมันเอง ในการกินอาหารทั่วไป หรือกินอาหารมังสวิรัติ-เจ เราควรจะได้รับสารอาหารหลักครบ และสมดุลเป็นประจำ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องกินอาหารหลักหลายหมู่ หลายชนิดเพื่อให้ได้รับสารอาหารให้ครบถ้วน และพอดีตามความต้องการของร่างกาย
   
เมื่อเอ่ยถึงอาหารหลัก คนส่วนมากมักนึกถึงโปรตีน และวิตามิน เข้าใจผิดคิดว่าสารอาหารนี้มีแต่ใน เนื้อ นม ไข่ ขนมปังทาเนย เท่านั้น และมักเข้าใจผิดว่าไขมันคือน้ำมันพืช และไขมันสัตว์ รวมทั้งคิดว่า วิตามินและเกลือแร่ คือวิตามินและแร่ธาตุ ในเม็ดยาและแคปซูล จากร้านขายยา หรือจากตัวแทน ขายสินค้าขายตรง (Direct sale) น้อยคนนักที่จะเข้าใจถูก นึกถึงความสำคัญของอาหารที่เป็นผักและผลไม้ คนส่วนใหญ่จึงเสาะแสวงหา ซื้ออาหารฝรั่ง และอาหารสำเร็จรูปดังกล่าว ควักอัฐมาซื้อกินกันอย่างเต็มที่ บางคนกินสิ่งที่ตนเองชอบและคิดว่าดีแล้ว อย่างไม่จำกัด ส่งผลให้สุขภาพอ่อนแอลง ล้มป่วยและเป็นโรค นี่เป็นความผิดพลาดทางโภชนาการอันใหญ่หลวงของมนุษย์ ในศตวรรษที่ผ่านมา เพราะเป็นยุคที่เราเห่ออาหารฝรั่ง อเมริกัน หรืออาหารตะวันตก ซึ่งเป็นสินค้าข้ามชาติ ฝรั่งเขาปรุงรสชาติอาหารให้มีรสอร่อย ติดใจ และกินง่าย ให้เป็นอาหารจานด่วนหรือฟาสต์ฟู้ด (fast food) ซึ่งนำไปสู่โรคร้ายเรื้อรังอย่างรวดเร็ว เช่น โรคอ้วน ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ และหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง เบาหวาน มะเร็ง เป็นต้น ถ้าเป็นเช่นนี้ฟาสต์ฟู้ดก็จะกลายเป็น ฟาสต์ฟุบ ของคนอเมริกัน ไปในที่สุด
 
 จากงานวิจัยมากมาย นักสุขภาพทางโภชนาการพบว่าอาหารหลักเพื่อสุขภาพที่แท้จริง มิใช่อาหาร พวกเนื้อ นม ไข่ ไอศกรีม ดังกล่าวแต่ประการใด แต่อาหารสุขภาพ ๔ หมู่ คือ ๑. ข้าวและเมล็ดธัญพืช ๒. ถั่ว ๓. ผัก ๔. ผลไม้ พูดง่ายๆ คือ กินอาหารประเภทข้าว ธัญพืชเป็นหลัก กินพืชผักผลไม้เป็นพื้น กินสิ่งอื่นๆ เช่น ถั่ว งา เป็นรอง นอกนั้นอาจจะกินอาหารว่างเป็นของแถมเล็กน้อย เช่น ขนมนมเนย ของหวาน และของหมักดองบ้างคงไม่เป็นไร แต่ควรจำกัดมิให้กินมากเกินไป กินแล้วต้องไม่เป็นพิษต่อสุขภาพด้วย นักวิจัยรู้ดีว่าในอดีตนโยบายด้านสุขภาพ ทางโภชนาการมีความผิดพลาด จึงมีการประชุม และแนะนำให้รัฐบาล ปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริโภคของประชาชนเสียใหม่ให้ถูกต้อง กลับฐานปิรามิดอาหารหลัก ให้เป็นปิรามิดอาหารสุขภาพใหม่ที่ดีกว่า
  การกินอาหารที่มีประโยชน์นั้นส่งผลดีต่อร่างกายในหลายๆด้าน ทั้งกินแล้วสุขภาพดี ต้านทานโรค ทำให้มีอายุยืนยาว ทำให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังมีสติปัญญาที่ดีอีกด้วย
ขนาดของร่างกาย ปัจจัยที่สำคัญที่มีอิทธิพลต่อร่างกายมีอยู่ 2 อย่าง คือ พันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม ทั้งสองอย่างนี้มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด เด็กแต่ละคนเจริญเติบโตได้สมบูรณ์ในขอบเขตที่ธรรมชาติกำหนดมากน้องเพียงใดย่อมขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม และสิ่งแวดล้อมที่ว่านั่นคือ อาหารและโภชนาการ ซึ่งมีผลที่สำคัญที่สุดต่อขนาดร่างกาย  พันธุกรรมเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่โภชนาการเป็นสิ่งที่มนุษย์สามารถดัดแลงปรับปรุงตามต้องการได้ ตัวอย่างเช่น การเจริญเติบโตของเด็กไทยที่โตในไทยกับเด็กไทยที่โตในประเทศสหรัฐอเมริกา ปรากฏว่า เด็กไทยที่โตในสหรัฐอเมริกาจะมีรูปร่างสูงใหญ่กว่าเด็กไทยในประเทศไทย เนื่องจากอาหารการกินที่ไม่เหมือนกัน
 
 การมีบุตรและสุขภาพของทารก การกินอาหารให้ถูกต้องตามหลักโภชนาการทำให้หญิงมีครรภ์มีอัตราเสี่ยงน้อยลงในการคลอดก่อนกำหนดหรือแท้ง ทั้งยังช่วยให้มารดามีสุขภาพที่ดีด้วย สำหรับทารกก็มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง โดยเฉพาะสมอง มีการเจริญเติบโตอย่างปกติ และมีภูมิคุ้มกันโรคได้ดี
 
ความสามารถในการต้านทานโรค ร่างกายของผู้ที่มีโภชนาการที่ดีย่อมมีความสามารถในการต้านทานโรคได้ดีกว่าผู้ที่ขาดโภชนาการที่ดี เช่น เมื่อร่างกายของผู้ที่มีโภชนาการที่ดีได้รับเชื้อโรค ก็จะมีการติดเชื่อโรคได้น้อย หรือมีอาการหายป่วยมกกว่าผู้ที่ขาดโภชนาการที่ดี
 
ความมีอายุยืน และความก้าวหน้าทางสุขาภิบาล ทางการแพทย์ ทางสาธารณสุข และโภชนาการ เป็นปัจจัยที่ช่วยให้คนเรามีอายุยืนขึ้น 
 
มีความสามารถในการใช้สมองได้ดี โดยจากการค้นคว้าหลักฐานจากปัญหาที่ว่า โภชนาการมีผลต่อการเจริญเติบโตของสมอง ได้ความว่า การขาดสารอาหารโดยเฉพาะในเด็กตั้งแต่ระยะเดือนท้ายๆของการตั้งครรภ์จนถึงระยะหากเดือนหลังคลอด มีผลทำให้เซลล์สมองไม่เจริญเติบโตเพราะเซลล์มีการแบ่งตัวน้อยลง ต้องแก้ไขโดยวิธีเพิ่มอาหารที่มีสารอาหารที่เหมาะสม แต่ต้องแก้ไขในระยะที่สมองกำลังเจริญเติบโต(ระยะอายุ 1-3 ขวบ)อยู่เท่านั้น ถ้าหลังระยะนี้จะแก้ไขไม่ได้ ผู้ที่ควรดูแลเรื่องโภชนาการให้ดีที่สุดคือ หญิงมีครรภ์ หญิงที่กำลังให้นมบุตร เด็กในระยะแรกคลอด เด็กในวัยเรียน เพราะเป็นกำลังสำคัญที่จะทำให้ประเทศชาติพัฒนา
คุณภาพในการทำงาน ผู้ที่ได้รับอาหารย่อมมีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ทำให้มีความอดทนในการทำงานมากกว่าผู้ที่ได้รับอาหารที่ไม่ดี ตัวอย่างเช่น ในโรงเรียน มีนักเรียนสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งกินอาหารเช้า ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งไม่ได้กิน มีผลคือ กลุ่มที่กินอาหารเช้ามีประสิทธิภาพในการเรียนสูงกว่าอีกกลุ่ม จึงสรุปได้ว่า การขาดอาหารเพียงมื้อเดียวก็มีผลเสีย ซึ่งเป็นปัญหาอันใหญ่หลวงแก่นักเรียน เช่นเกิดโรคกระเพาะ เรียนหนังสือได้คะแนนไม่ดี หรือเกิดปัญหาร้ายแรงอื่นๆ

บทความสุดท้าย



                                                                      ตลาดน้ำ4ภาค


ตลาดน้ำ4ภาค เป็นตลาดเปิดใหม่ ย้อนยุค ณ ที่ตลาดน้ำ 4 ภาค (พัทยา) ยังมีนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวต่างชขาติจะได้เพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพอันงดงาม แล้วยังได้นั่งเรือพายชมทัศนียภาพ 2 ฝั่งของแม่น้ำ รวมไปถึงสัมผัสวิถีชีวิตความเป็นอยู่ในการค้าขาย ทางน้ำ ในที่ตลาดน้ำ 4 ภาค ท่านยังได้พบกับร้านค้าเรือนไทยด้วยไม้สักทั้งหลังที่สวยงาม โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของตลาดน้ำ 4 ภาค(พัทยา) จุดเด่นของเรือนไม้สักของแต่ละโซนภาคในประเทศไทยจะสังเกตุง่าย ๆ คือ หน้าจั่วที่มี ลักษณะแตกต่างกันเช่น เรือนภาคเหนือ มีเอกลักษณะพิเศษคือ กาแลไม้แกะสลัก อย่างงดงาม มีจำนวน 43 หลัง ซุ้มลีลาวดี และซุ้มกล้วยไม้จะเป็นจุดสำหรับพักผ่อน แล้วยังรวมไปถึงลานล้อที่เป็นลาน "กิจกรรมการแสดงของภาคเหนือ" เรือนภาคกลางจะตกแต่งบนยอดจั่วที่เรียกว่า "ปั้นลม" มีจำนวนรวม 31 หลัง มีลานของการแสดงอยู่ 2 ลานจะได้แก่ ลานเถิดเทิง และลานบางระจัน, ต่อมาคือเรือนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือ (ภาคอีสาน) ยอดของจั่วจะเป็นรูปรัศมีสีของพระอาทิตย์เรืองรอง เรียกว่า "ยอดธง" ประกอบด้วยเรือน 22 หลัง แล้วยังมีลานของหมอลำเป็นการแสดง, เรือนสุดท้ายคือ เรือนของภาคใต้ มียอดจั่วที่เรียกว่า ปีกผีเสื้อ ประกอบด้วยเรือนจำนวน 15 หลัง มีซุ้มเฟื่องฟ้า ลานเบตง และลานโนราห์ เป็นลานกิจกรรมการแสดง
ความตั้งใจจริงเพื่อให้ตลาด น้ำ 4 ภาค(พัทยา) แห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทางศิลปะและวัฒนธรรมของไทยเรียน รู้วิถีชีวิตพอเพียงที่สัมผัสได้ รวมถึงเป็นจุดศูนย์รวมของวัฒนธรรมความเป็นอยู่ให้ครอบคลุมในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นชีวิตความเป็นอยู่ การค้า การแสดง การกิน รวมทั้งงานทางด้านหัตถกรรมต่าง ๆ ที่สามารถบอกเล่าเรื่องราว ความเป็นมา ความเจริญรุ่งเรือง และภูมิปัญญาของบรรพบุรุษที่สมควรได้รับการดูและ และคุณค่าแก่การอนุรักษ์ให้คงอยู่นานเท่านาน


โครงการตลาดน้ำ 4 ภาค(พัทยา) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวบึงน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกแห่งเดียวที่จะคง ไว้ซึ่งวิถึชีวิตคนไทยที่ยึดแนวแล้วเดินตามรอยพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัว ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับเมืองพัทยา รวมไปถึงสร้างทัศนคติความประทับใจกับผู้มาเยือน
แต่สำหรับสินค้าทั้ง 4 ภาค ที่มีให้ท่านซื้อเป็นของฝาก หรือว่าจะซื้อนำกลับบ้าน ก็จะแตกต่างกันออกไปตามวิถีชีวิตของแต่ละภาค โดยทางภาคอีสาน โดดเด่นในกลุ่มสินค้าผ้าไหมหมัดหมี่ ผ้าไม่แพรวา เทียนหอม หมอนอิง, ภาคเหนือ จะเป็นสินค้างานไม้แกะสลัก เครื่องเงิน ผ้าพื้นเมิงลวดลายงดงามวิจิตร ผ้าไหม และร่มกระดาษ, ภาคใต้สินค้าเลื่องชื่อได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวผ้าบาติก เรือไม้จำลอง, และภาคสุดท้ายสำหรับภาคกลาง ได้แก่ เฟอร์นิเจอร์หวาย กระเป๋าสาน เครื่องประดับ

ตลาดน้ำ 4 ภาค พัทยาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทางศิลปะและวัฒนธรรมของไทย แห่งใหม่ที่อยู่ท่ามกลางใจเมืองพัทยา สถานที่แห่งนี้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรม ที่ได้จำลองวิธีชีวิตความเป็นอยู่ของชนชาวไทยที่เรียบง่าย เรียนรู้วิถีพอเดียงดั้งเดิมที่ผู้พันกับสายน้ำตั้งแต่อดีตกาลสืบทอดต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน รวมไปถึงการเรียนรู้ภูมิปัญญาชาวบ้าน ของทั้ง 4 ภาคในประเทศไทย ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉัยงเหนือ(ภาคอีสาน) และ ภาคกลาง

 มุมแนะนำ

วิถีชีวิตของคนริมน้ำ



ภาพนี้แสดงให้เห็นว่าคนไทยสมัยก่อนผูกผันกับน้ำมาก

























LIVERPOOL

จอห์น โฮลดิ้ง นัก ธุรกิจชาวเมืองลิเวอร์พูลได้เช่าพื้นที่บริเวณ แอนฟิลด์ โรด เพื่อใช้สร้างสนามฟุตบอล และเมื่อสร้างเสร็จได้ให้สโมสรฟุตบอลเอฟเวอร์ตัน เช่าเป็นสนามแข่ง และเมื่อทีมเอฟเวอร์ตันได้เข้าสู่สมาชิกฟุตบอลลีก จอห์น โฮลดิ้ง พยายามจะเข้าไปบริหารงานในทีมเอฟเวอร์ตันและได้เพิ่มค่าเช่าสนามที่ทีมได้ เช่าอยู่ ฝ่ายกลุ่มบริหารของเอฟเวอร์ตันจึงยกเลิกสัญญาเช่าสนาม และทีมเอฟเวอร์ตันได้ย้ายสนามไปอีกฝากของสวนสาธารณะ สแตนลี่ย์พาร์คเพื่อไปสร้างสนามเป็นของตัวเองโดยใช้ชื่อสนามว่า กูดีสันพาร์ก ดังนั้น จอห์น โฮลดิ้ง จึงต้องการสร้างทีมฟุตบอลขึ้นมา และ จอห์น โฮลดิ้ง จึงไปชวนเพื่อนสนิทของเขาชื่อ จอห์น แมคเคนน่า มาทำหน้าที่ประธานสโมสรและได้ตั้งชื่อทีมฟุตบอลนี้ว่า Liverpool Football Club

ยุคก่อตั้งสโมสร

      หลัง จากที่สโมสรลิเวอร์พูลก่อตั้งได้ไม่นาน ได้จัดการแข่งขัดนัดอุ่นเครื่อง ซึ่งเป็นการลงสนามนัดแรกของทีมลิเวอร์พูลกับทีมร็อตเตอร์แฮม ซึ่งผลการแข่งขันปรากฏว่า ทีมลิเวอร์พูลชนะไปด้วยผลการแข่งขัน 7-1 และลิเวอร์พูล ได้ลงแข่งขันฟุตบอลลีกของแคว้น แลงคาเชียร์ ปรากฏว่าลิเวอร์พูลลงแข่งทั้งหมด 22 นัด ชนะ 17 นัด และได้แชมป์ไปครอง ส่งผลให้ทางสโมสรสามารถสมัครเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลลีกซึ่งได้รับการยอม รับและถูกคัดเลือกให้ลงเล่นในดีวิชั่น 2 ในฤดูกาล 1893-1894 สโมสรจึงได้เลือกสัญลักษณ์ของทีมเป็น นกลิเวอร์เบิร์ด ( Liverbird ) ซึ่งเป็นนกแถบทะเลไอริช บริเวณแม่น้ำเมอร์ซี่ย์ โดยที่ปากนกคาบใบไม้ไว้ ทีมลิเวอร์พูลได้ลงทำการแข่งขันอย่างเป็นทางในฟุตบอลลีก ดิวิชั่น 2 ในวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1893 โดยทีมลิเวอร์พูลออกไปเยือนทีมมิดเดิลส์โบรซ์ ไอโรโนโปลิส และทีมลิเวอร์พูลสามารถได้แชมป์มาครองโดยที่ไม่แพ้ทีมใดเลยตลอดทั้งฤดูกาล ( ทั้งหมด 28 นัด ) แต่การคว้าแชมป์ลีกดิวิชั่น 2 ในตอนนั้นยังไม่ได้เลื่อนชั้นโดยทันที ต้องไปแข่งนัดชิงดำกับทีมอันดับสองก่อน โดยทีมอันดับสองในขณะนั้นคือ ทีมนิวตัน ฮีธ ( ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในปัจจุบัน ) และลงแข่งขันที่สนามของทีมแบล็คเบิร์น ซึ่งทีมลิเวอร์พูลเอาชนะทีมนิวตัน ฮีธไปด้วยผล 2-0 และได้เลื่อนชั้นสู่ดิวิชั่น 1 ในที่สุด

ที่มาของ The Kop
         เด อะ ค็อป เป็นชื่อที่ใช้เรียกตามชื่อของเนินเขาแห่งหนึ่งใน นาทาล ประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งคนท้องถิ่นจะรู้จักกันในนาม สปิออน ค็อป โดยเกิดเหตุการณ์การทำสงครามบัวร์ขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1900 อังกฤษได้ ส่งทหารไปกว่า 300 นาย โดยส่วนใหญ่เป็นชาวเมืองลิเวอร์พูล แต่แล้วในสงครามนั้นเกิดเหตุการณ์น่าเศร้าขึ้นคือ อังกฤษได้เสียทหารไปเกินกว่าครึ่ง เพื่อเป็นการรำลึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น นักข่าวกีฬาของหนังสือพิมพ์ลิเวอร์พูลเดลี่โพสต์ ชื่อ เออร์เนสต์ เอ็ดเวิร์ตส์ จึงเสนอชื่อ สปิออน ค็อป ตามชื่อของเนินเขาลูกนั้น เป็นชื่อของอัฒจรรย์หลัง ประตูในการสร้างสนามใหม่ขึ้นมา เพื่อเป็นเกียรติในความกล้าหาญของทหารอังกฤษทั้ง 300 นาย ซึ่งต่อมาอัฒจรรย์แห่งนี้ได้กลายอัฒจรรย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกของ ฟุตบอลแห่งหนึ่ง. ในปี ค.ศ. 1928 ได้มีการต่อเติมอัฒจรรย์แห่งนี้ใหม่ และเมื่อใดเมื่อมีการแข่งขันฟุตบอลของทีมลิเวอร์พูลขึ้น คนที่ไปดูการแข่งขันของทีมบนอัฒจรรย์จะเรียกตัวเองว่า เดอะ ค็อป (The Kop) และแล้วจากเหตุการณ์โศกนาฎกรรมที่สนามฮิลส์โบโร่ ในปี ค.ศ. 1989 ซึ่งเกิดการถล่มของอัฒจรรย์ขึ้น ทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 96 คน จึงมีคำสั่งให้ทุกสนามเปลี่ยนจากอัฒจรรย์ยืนเป็นแบบนั่งทั้งหมด และนั่นเป็นการปิดฉากของอัฒจรรย์ สปิออน ค็อป อัฒจรรย์แบบยืนที่มีความยิ่งใหญ่แห่งหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตาม ก็มีอัฒจรรย์ใหม่ขึ้นมาและใช้ชื่อว่า นิว ค็อป ซึ่งความหมายต่าง ๆ ยังคงเหมือนเดิม แม้ชื่ออัฒจรรย์จะเปลี่ยนไปแล้วก็ตาม นิว ค็อป ยังคงมีกลิ่นอายของประวัติเหล่านั้นอยู่เต็มเปี่ยม                                                               

สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล
The words "Liverpool Football Club" are in the center of a pennant, with flames either side. The words "You'll Never Walk Alone" adorn the top of the emblem in a green design, "EST 1892" is at the bottom.
ชื่อเต็มLiverpool Football Club
ฉายาThe Red, หงส์แดง
ก่อตั้ง3 มิถุนายน พ.ศ. 2435[1]
สนามกีฬาแอนฟิลด์
(ความจุ: 45,276 คน[2])
เจ้าของFlag of the United States เฟนเวย์ สปอร์ต

สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล
The words "Liverpool Football Club" are in the center of a pennant, with flames either side. The words "You'll Never Walk Alone" adorn the top of the emblem in a green design, "EST 1892" is at the bottom.
ชื่อเต็มLiverpool Football Club
ฉายาThe Red, หงส์แดง
ก่อตั้ง3 มิถุนายน พ.ศ. 2435[1]
สนามกีฬาแอนฟิลด์
(ความจุ: 45,276 คน[2])
เจ้าของFlag of the United States เฟนเวย์ สปอร์ต

บทความสุดท้าย


         วัดโสธรวรารามวรวิหาร
           
                 วัดโสธรวรารามวรวิหาร ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมือง ริมแม่น้ำบางปะกง เดิมชื่อว่า "วัดหงษ์" สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายเป็นที่ประดิษฐาน "หลวงพ่อพุทธโสธร" พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของฉะเชิงเทรา เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางสมาธิ หน้าตักกว้าง ๑.๖๕ เมตร สูง ๑.๔๘ เมตร ฝีมือช่างล้านช้าง
หลวงพ่อพุทธโสธร

              ตามประวัติเล่าว่าได้ปาฏิหาริย์ลอยน้ำมาและมีผู้อัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานที่วัดแห่งนี้ แต่เดิมเป็นพระพุทธรูปหล่อสำริดปางสมาธิหน้าตักกว้างศอกเศษ รูปทรงสวยงามมาก แต่พระสงฆ์ในวัดเกรงจะมีผู้มาลักพาไปจึงได้เอาปูนพอกเสริมหุ้มองค์เดิมไว้จนมีลักษณะที่เห็นในปัจจุบัน ทุกวันจะมีผู้คนมานมัสการปิดทองหลวงพ่อพุทธโสธรจำนวนมาก
                                                   พระอุโบสถ ทรงมณฑปแบบไทย

                  เนื่องจากอุโบสถหลังเก่ามีสภาพทรุดโทรมและคับแคบ ทางคณะกรรมการวัดจึงได้มีมติให้รื้อพระอุโบสถหลังเก่าและสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ โดยมีสำนักงานโยธาจังหวัดเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างเป็นอาคารทรงไทย ที่ออกแบบพิเศษเฉพาะรัชกาล ลักษณะแบบพระอุโบสถเป็นหลังคาประกอบเครื่องยอดชนิดยอดทรงมณฑปแบบไทย ต่อเชื่อมด้วยวิหารทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ด้านข้างต่อเชื่อมด้วยอาคารรูปทรงเดียวกับพระวิหารเป็นอาคารมุขเด็จ จึงมีลักษณะเป็นอาคารมีหลังคาแบบจตุรมุขอย่างปราสาทไทย กว้าง ๔๔.๕ เมตร ยาว ๑๒๓.๕๐ เมตร ส่วนกลางพระอุโบสถมียอดมณฑปสูง ๘๕ เมตร ยอดมณฑปมีลักษณะเป็นฉัตร ๕ ชั้น มีความสูง ๔.๙๐ เมตร ยอดฉัตรเป็นทองคำน้ำหนัก ๗๗ กิโลกรัม มูลค่า ๔๔ ล้านบาท ผนังด้านนอกพระอุโบสถปูด้วยหินอ่อนจากเมืองคาร์ราร่า ประเทศอิตาลี ผนังด้านในเป็นงานจิตรกรรมฝาผนัง โดยศิลปินแห่งชาติซึ่งเป็นผู้เขียนภาพประกอบพระราชนิพนธ์เรื่องพระมหาชนก
                  ส่วนสำคัญที่สุดคือ ส่วนกลางของพระอุโบสถซึ่งเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อพุทธโสธร ประกอบด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังโดยรอบนับตั้งแต่พื้นพระอุโบสถ เสา ผนัง และเพดานจะบรรจุเรื่องราวให้เป็นแดนแห่งทิพย์ เป็นเรื่องราวของสีทันดรมหาสมุทร จตุโลกบาล สวรรค์ดาวดึง พรหมโลก ดวงดาว และจักรวาลตำแหน่งของดวงดาวบนเพดานจะกำหนดตำแหน่งตามดาราศาสตร์ ตรงกับวันที่ ๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๙ ซึ่งเป็นวันยกยอดฉัตรทองคำเหนือมณฑปพระอุโบสถ และภาพของจักรวาลบนเพดานจะเป็นภาพเขียน ประดับโมเสกสี จึงเป็นพระอุโบสถที่มีขนาดใหญ่และสวยงามที่สุด
                    มาชมวิวทิวทัศน์วัดหลวงพ่อโสธรกันดีกว่า
                                                                                         พระอุโบสถ ทรงมณฑปแบบไทย ฝั่งแม่น้ำบางปะกง
ความสวยงามของพระอุโบสถ

                                                       พระประธานในพระอุโบสถหลังใหม่


                                              
                                                       วัดโสธรริมแม่น้ำบางปะกงระยะไกล

                 ชมวิดีโอกันนะ

                                                                                                                 

บทความสุดท้าย

นางสาวสุพัตรา  อยู่ถาวร ชั้น ม.5/9 เลขที่ 40
บทความนี้เป็นบทความสุดท้ายที่ดิฉันจะฝากให้เพื่อนๆช่วยอ่านกันนะค่ะ บทความนี้มีประโยชน์กับเพื่อนๆในเรื่องของการกินผลไม้ที่มีประโยชน์และเพื่อนๆก็จะได้รู้ถึงประโยชน์ของมันว่ามันให้ประโยชน์กับเพื่อนๆในการกินมันได้อย่างไรบ้างนะค่ะ  ดิฉันขอให้เพื่อนๆอ่านกันอย่างสนุกกันนะค่ะ
ผลไม้เพื่อสุขภาพ

แตงโม ผลไม้เพื่อสุขภาพ
                                                                        
สำหรับสาวคนใดที่ชื่นชอบการรับประทานผลไม้เป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ในประเทศหรือต่างประเทศ แต่มีผลไม้ชนิดหนึ่งที่สาวๆ ทั้งหลายไม่ควรพลาด นั่นก็คือ…แตงโม

         เนื่องจากในผลแตงโมมีสารสำคัญสีแดงที่มีชื่อว่า ‘ไลโคปีน’ (Lycopene) ที่ช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งและโรคหัวใจ อีกทั้งในเนื้อแตงโมยังมี ‘เบตาแคโรทีน’ (Beta-Carotene) ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายนำมาใช้เพื่อเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ มีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ทั้งยังช่วยป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร ระบบทางเดินหายใจ และระบบขับปัสสาวะ รวมถึงยังช่วยบำรุงผิวพรรณและเส้นผมให้แข็งแรงอีกด้วย

นอกจากนี้เปลือกแตงโมยังมีสาร ‘ซิทรูไลน์’ (Citruline) ที่มีส่วนช่วยขยายเส้นเลือดซึ่งเป็นผลดีต่อระบบภูมิคุ้มกัน และสารนี้ยังเป็นประโยชน์ต่อคนที่เป็นโรคอ้วนและเบาหวานด้วย สำหรับผู้หญิงคนใดที่ต้องการลดความอ้วน แตงโมอาจกลายเป็นตัวเลือกสำคัญของคุณได้ เนื่องจากแตงโมมีแคลอรี่ต่ำ และยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นวิตามินซีที่ช่วยป้องกันไข้หวัดและโรคเลือดออกตามไรฟัน หรือจะเป็นโพแทสเซียมที่มีส่วนช่วยควบคุมความดันโลหิตของร่างกาย




มะพร้าว ผลไม้เพื่อสุขภาพ
      น้ำมะพร้าวเปิดลูกแล้วควรดื่มเลย ไม่ควรทิ้งไว้นาน ถ้าเราตัดหรือหั่นผลไม้ อย่าทิ้งไว้เกินครึ่งชั่วโมง แม้จะเก็บในตู้เย็นก็ตาม ควรกินให้หมดทีเดียว ผลไม้แต่ละอย่างมีพลังชีวิต ถ้ากินผลไม้สุกจากต้นจะได้รับพลังชีวิตสูง หากเก็บทิ้งค้างไว้ พลังชีวิตของผลไม้จะลดต่ำลงเรื่อยๆ ตามระยะเวลาที่เก็บ
ปัจจุบันหากต้องการดื่มน้ำมะพร้าวควรต้องระวังเรื่องสารฟอกขาวหากเป็นไปได้ควรซื้อเป็นทะลายมาจากสวนโดยตรง เมื่อต้องการดื่มค่อยตัดทีละลูกจากทะลาย

มะพร้าวไม่ได้มีประโยชน์แค่ผลเท่านั้นยังมีส่วนอื่นๆอีก เช่น
ราก  - ใช้แก้พิษไข้ แก้ท้องเสีย โดยนำรากมาฝนกับน้ำข้าวกินดับพิษไข้ พิษผิดสำแดง
น้ำมะพร้าว  - ก็ถือว่าเป็นยา ใช้บำรุงธาตุไฟ แก้เลือดกำเดา ใช้ทดแทนน้ำที่เสียไปขณะท้องเสียโดยเฉพาะ
ในเด็กเล็ก ใช้เป็นน้ำกระสายยาหอม แก้อาการอ่อนเพลีย
ดอก - ใช้แก้ท้องเสีย แก้ริดสีดวงทวาร แก้ปากเปื่อย แก้โลหิตเป็นพิษ ต้มอมแก้ปากเปื่อย
เนื้อมะพร้าว  - ใช้แก้อาการนอนกัดฟันในเด็ก
น้ำมันมะพร้าว - ใช้ผสมยาหลายชนิด ส่วนมากเป็นยาทา
ผงถ่านจากกะลามะพร้าว  - แก้ท้องเสีย อาหารเป็นพิษ เล่ากันว่าในการกระเบิดของโรงไฟฟ้าที่เชอร์โนบิล
มีการใช้ผงถ่านจากกะลามะพร้าวลดปริมาณกัมมันตภาพรังสีในร่างกายผู้ป่วยลงไปได้ 500-1000 เท่า



องุ่น ผลไม้เพื่อสุขภาพ
                                                      
ในผลองุ่นมีวิตามินและสารอาหารมากมาย โดยเฉพาะที่เปลือกและเมล็ด อย่างที่เราเคยได้ยินถึงการสกัดน้ำมันจากเมล็ดองุ่นมาเป็นส่วนผสมในครีม บำรุงผิวหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่างๆ น้ำมันนี้ช่วยให้ผนังหลอดเลือดแข็งแรง ลดความเสี่ยงต่อการจับตัวของก้อนเลือด และลดโคเลสเตอรอลชนิดแอลดีแอล (ไขมันไม่ดี) จึงช่วยป้องกันโรคเกี่ยวกับระบบเลือดและหัวใจได้ดี นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติช่วยลดริ้วรอยและทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
ส่วน วิตามินต่างๆ ที่พบในองุ่นนั้นก็มีมากมายหลายชนิด ทั้งวิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 และเกลือแร่ชนิดต่างๆ ซึ่งช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสดชื่นได้เร็ว ส่วนหนึ่งเพราะน้ำตาลในองุ่นเป็น น้ำตาลที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้เลย จึงช่วยเร่งการเผาผลาญในร่างกาย และกระตุ้นให้ตับทำหน้าที่ฟอกเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มีผลจากการ วิจัยของนักวิทยาศาสตร์แห่งเมืองนิวยอร์กพบว่า ในองุ่นจะมีสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่า Polyphenols ซึ่งส่วนใหญ่เราจะสามารถบริโภคได้ในรูปของน้ำองุ่นหรือไวน์แดง สาร Polyphenols นี้มีส่วนช่วยให้คนเรามีอายุสมองที่ยาวนานขึ้นและแข็งแรง ทำให้สามารถทำงานและจดจำสิ่งต่างๆได้เป็นอย่างดีถึงแม้จะอายุมากแล้วก็ตาม
      ประโยชน์ จากองุ่นนั้นไม่เพียงจะได้จากการรับประทานองุ่นสด องุ่นแห้ง หรือน้ำองุ่นคั้นสด 100% แล้ว ผลและน้ำองุ่นสดยังสามารถนำมาใช้บำรุงผิวหน้าและเส้นผมได้ด้วย อย่างสูตรบำรุงผิวหน้าให้เปล่งปลั่งชุ่มชื้นแบบง่ายๆ โดยนำองุ่นแดงหรือม่วงทั้งเปลือก ½ ถ้วย ผสมน้ำแตงกวาสด 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ปั่นรวมกันแล้วนำมาทาทั่วผิวหน้า (เว้นรอบดวงตา) ทิ้งไว้ 10-15 นาทีแล้ว ล้างออก ผิวหน้าจะชุ่มชื้นขึ้นและไม่แห้งกร้าน
ส่วน สูตรบำรุงเส้นผมให้ใช้น้ำองุ่นแดงหรือองุ่นม่วงคั้นสด 1-2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับแชมพู สระผม โดยพักไว้หลังสระประมาณ 5 นาทีแล้วจึงล้างฟองออกให้สะอาด จะช่วยให้เส้นผมนุ่มและเป็น เงางาม
การรับประทานองุ่นให้ได้ ประโยชน์มากที่สุดนั้น ความจริงสามารถรับประทานได้ทั้งเปลือกและเมล็ด อย่างที่บอกว่าสารอาหารที่มีคุณค่านั้นอยู่ที่เปลือกและเมล็ดมากกว่าเนื้อ องุ่นเสียอีก แต่ถ้าอยากรับประทานทั้งเมล็ดให้ง่ายขึ้น อาจจะทำเป็นน้ำองุ่นปั่นสดๆ ดื่มก็ได้ค่ะ



กีวี ผลไม้เพื่อสุขภาพ



กีวีไม้ผลประเภทเลื้อยเถาในเขตหนาวที่สำคัญชนิดหนึ่งของโลก มีถิ่นกำเนิดทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน ในปี พ.ศ.2407 เมื่อร้อยกว่าปีมาแล้ว มิสชันนารีชาวนิวซีแลนด์คณะหนึ่งเดินทางกลับมาจากประเทศจีน และได้นำ ผลไม้ชนิดหนึ่งที่เรียกกันว่า "ไชนิส กูสเบอร์รี" (Chinese gooseberries) ไปปลูกลงบนผืนดินของนิวซีแลนด์ ด้วยสภาพดินที่อุดมสมบูรณ์ และอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการปลูกพืช ผลไม้ชนิดนี้จึงมีรสชาติดีขึ้น พ.ศ.2502 พวกเขาจึงได้ตั้งชื่อ "กีวี่ฟรุต" (Kiwifruit) เป็นชื่อใหม่ของผลไม้ชนิดนี้ ตามชื่อนกกีวีที่เป็นนกสัญลักษณ์ของประเทศ
    ปัจจุบัน นิวซีแลนด์พัฒนาคุณภาพกีวีจนเป็นที่ต้องการของตลาดโลก สามารถส่งออกกีวีไปยังผู้บริโภคใน 70 ประเทศ เฉพาะยุโรปทวีปเดียวก็ทำสถิติขายได้ปีละ 1.5 ล้านล้านผล รวมทั้งส่งกีวีมาจำหน่ายยังประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และไทย
    สำหรับประเทศไทยโครงการหลวงได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นำพันธุ์กีวีฟรุตจากประเทศนิวซีแลนด์เข้ามาปลูกครั้งแรกในปี พ.ศ.2519 ที่สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง และพบว่ากีวีฟรุตบางพันธุ์สามารถออกดอกและติดผลได้ดี มีโอกาสที่จะพัฒนาให้เป็นไม้ผลเศรษฐกิจบนพื้นที่สูงได้ กีวีฟรุตจึงนับว่าเป็นไม้ผลที่มีศักยภาพดีชนิดหนึ่งในอนาคต
    Actinidia deliciosa เป็นกีวีฟรุตที่ปลูกเป็นการค้ามากที่สุดของโลก ลักษณะโดยทั่วไปผลมีขนาดใหญ่ น้ำหนักผลประมาณ 100-150 กรัม ผิวผลสีน้ำตาล มีขน เนื้อผลสีเขียว มีปริมาณวิตามินซี 100-200 มิลลิกรัมต่อเนื้อผล 100 กรัม พันธุ์ที่เป็นการค้าที่สำคัญของโลกได้แก่ พันธุ์ Hayward สำหรับพันธุ์ที่ปลูกได้ค่อนข้างดีในประเทศไทย คือ พันธุ์ Bruno
    A. chinensis เป็นกีวีฟรุตชนิดที่เริ่มมีความนิยมที่ปลูกเป็นการค้าใหม่ๆ ขึ้นมามาก พันธุ์ที่เป็นการค้าที่สำคัญของโลกได้แก่ พันธุ์ Hort16A ของนิวซีแลนด์ กีวีฟรุตชนิดนี้ต้องการความหนาวเย็นมากสั้นกว่า A. deliciosa จึงเป็นชนิดที่มีศัยกภาพในการปลูกเป็นการค้าในประเทศไทย เช่น พันธุ์ Yellow joy จากประเทศญี่ปุ่น และพันธุ์ลูกผสมต่างๆ จากโครงการศึกษาและคัดเลือกพันธุ์กีวีฟรุตของโครงการหลวง ส่วนใหญ่กีวีฟรุตเนื้อผลมีสีเหลืองผลมีขนาดใหญ่ น้ำหนักผลประมาณ 100-150 กรัม ผิวผลสีน้ำตาล มีขนค่อนข้างสั้น มีปริมาณวิตามินซี ประมาณ 100-200 มิลิลกรัมต่อเนื้อผล 100 กรัม
    A. arguta มีชื่อเรียกว่า Baby Kiwi, Wee-kis หรือ Grape Kiwi เป็นกีวีฟรุตที่มีการปลูกเป็นการค้าแต่ยังไม่มากนัก ลักษณะโดยทั่วไปผลขนาดเล็ก น้ำหนักผลประมาณ 6-14 กรัม ผิวผลเรียบไม่มีขน รับประทานได้ทั้งเปลือก รสชาติหวาน มีกลิ่นหอมมีปริมาณวิตามินซี ประมาณ 70-100 มิลลิกรัมต่อเนื้อผล 100 กรัม พันธุ์ที่เป็นการค้าที่สำคัญของโลกได้แก่ พันธุ์ Ananasnaya สำหรับประเทศไทยมีหลายพันธุ์ที่นำมาจากประเทศญี่ปุ่นมีแนวโน้มว่าศักยภาพดี
    กีวีได้ผ่านการวิจัยแล้วว่าเป็นผลไม้ที่มี วิตามินซี และวิตามินอีในสัดส่วนสูง ซึ่งวิตามินทั้งสองชนิดนี้เป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ (ตัวต้านออกซิแดนท์) ที่ทรงประสิทธิภาพมากมีประโยชน์สำหรับคนทุกเพศทุกวัย
    กีวี 100 กรัม ให้วิตามินซีสูงถึง 167% ของ RDA (Recommended Daily Allowance) ให้วิตามินซีมากกว่าการบริโภคแอปเปิล ส้ม กล้วย แครนเบอร์รี องุ่น ลูกแพร์ ทับทิม ในปริมาณที่เท่ากัน
     วิตามินอีในกีวีเป็นวิตามินอีที่อยู่ในแหล่งอาหารที่ปราศจากไขมัน จึงช่วยลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดได้ในตัว ซึ่งหมายถึงการลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจด้วย
    โพแทสเซียม (331 มิลลิกรัม/กีวี 100 กรัม) ภาวะความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดหัวใจวาย โพแทสเซียมช่วยลดภาวะความดันโลหิตสูงได้ ผู้มีอายุต้องการโพแทสเซียมช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อและเส้นใยประสาท กล้วยหอมเป็นผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง แต่กล้วยหอม 100 กรัม ให้พลังงานสูงกว่ากีวีถึง 2 เท่า สำหรับคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำคงเผาผลาญพลังงานไปได้ แต่สำหรับคนที่ขาดการออกกำลังกาย พลังงานส่วนเกินที่ได้รับมีผลต่อน้ำหนักตัวที่จะเพิ่มขึ้น
    ไฟเบอร์ (3.4 กรัม/กีวี 100 กรัม) ผลการศึกษากลุ่มตัวอย่างสุขภาพดีอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 38 ราย กลุ่มหนึ่งรับประทานอาหารตามปกติ อีกกลุ่มรับประทานอาหารตามปกติเช่นกันและกินกีวีด้วยอัตรากีวี 1 ผล/น้ำหนักตัว 30 กิโลกรัม เป็นเวลา 3 สัปดาห์ พบว่ากลุ่มที่กินกีวีด้วยนั้นขับถ่ายสะดวกและสม่ำเสมอกว่ากลุ่มที่รับประทานอาหารตามปกติอย่างเดียว ผลไม้ชนิดอื่นๆ ที่ให้เส้นใยอาหาร (Fibre หน่วยกรัม/100 กรัม) เช่น ลูกแพร์ 2.2, แอปเปิล 1.8, ส้ม 1.7, กีวีสีทอง 1.4, กล้วยหอม 1.1, กรัม, องุ่น 0.7
    โฟลเลต คือแร่ธาตุสำคัญที่ช่วยในการแบ่งตัวของเซลล์ใหม่ (หมายถึงโครงสร้างร่างกายทั้งหมด) เช่น การสร้างอวัยวะทารกในครรภ์ การสร้างเม็ดเลือด การสร้างสารพันธุกรรมในร่างกาย คุณแม่ตั้งครรภ์ที่ขาดโฟลเลตมีความเสี่ยงที่ทารกจะมีความพิการทางสมองและระบบประสาท กีวี 1 ผล ขนาด 76 กรัม มีโฟลเลต 19 ไมโครกรัม หรือ 5% ที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน (RDA)
    แมกนีเซียม (30 มิลลิกรัม/กีวี 100 กรัม) ร่างกายจะดูดซึมแคลเซียมไปใช้สร้างเสริมความแข็งแรงของกระดูกและฟันได้ต้องอาศัยการทำงานร่วมกันของแมกนีเซียม กระดูกที่แข็งแรงช่วยให้ร่างกายทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตได้คล่องตัวขึ้น และมีความสุขกับชีวิตได้เต็มที่ แมกนีเซียมที่มีในผลไม้ชนิดอื่น (หน่วยมิลลิกรัม/100 กรัม) เช่น กล้วยหอม 34, กีวีสีทอง 14.5, ส้ม 10, องุ่นและลูกแพร์ 7, ส้ม 5
    ซิงก์ แร่ธาตุชนิดนี้มีความสำคัญสำหรับเด็กหนุ่มและผู้ชายทุกคน เพราะเป็นแร่ธาตุที่ใช้สร้างฮอร์โมนเพศชาย (เทสโตสเตอโรน)
    จากผลการศึกษาในนิวซีแลนด์และยุโรปพบว่า การรับประทานกีวี 2 ผล/วัน จะช่วยลดภาวะที่เซลล์จะถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ และยังช่วยซ่อมแซมดีเอ็นเอที่ถูกทำลายจากกระบวนเผาผลาญอาหารของร่างกายได้อีกด้วย รวมทั้งสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานภูมิคุ้มกันของร่างกาย
    นักวิจัยในสหรัฐอเมริกายังพบประโยชน์อีกว่า เมื่อกินกีวีพร้อมหรือกินหลังอาหาร - โดยเฉพาะหากอาหารมื้อนั้นเป็นอาหารที่มีไขมันมาก - แร่ธาตุในกีวีจะช่วยลดสภาวะที่ร่างกายมีอนุมูลอิสระมากจนสารต้านอนุมูลอิสระมีไม่เพียงพอได้ด้วย



ชมพู่ ผลไม้เพื่อสุขภาพ

  ชมพู่หวานกรอบที่มีรสชาติถูกปาก ดูเหมือนจะเป็นแรงดึงดูดทำให้เหล่านักชิมทั้งหลายหันมาบริโภคชมพู่กันมากขึ้น แถมปัจจุบันชมพู่ก็มีให้เลือกกินหลายพันธุ์ เช่น เพชรน้ำผึ้ง มะเหมี่ยว หรือแก้มแหม่ม ก็อร่อยถูกปากกันทั้งนั้น  วิตามินในชมพู่ก็มีอยู่มากอย่างวิตามิน C ก็ช่วยในการฟื้นไข้และรักษาโรคหวัดนั่นเอง  ส่วนจุดเด่นของผลไม้รสดีชนิดนี้อยู่ตรงที่ ชมพู่เป็นผลไม้ที่ให้พลังงานต่ำ แต่ทำให้อิ่ม และหนักท้องเมื่อกินมากๆ ชมพู่ไม่ทำให้อ้วนอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงเป็นอาหารในการควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดีส่วนน้ำที่มีอยู่มากในชมพู่ก็ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง และคุณเองก็รู้สึกสดชื่นอยู่เสมอ จึงนับว่าเป็นผลดีอีกชนิดที่ไม่ควรพลาด